กองทรัสต์ ALLY ผู้นำ ‘กรีน คอมมูนิตี้มอลล์’ ตอกย้ำความสำเร็จรอบปี 67 หลังรุกขยายพอร์ตสินทรัพย์ รักษาฐานผู้เช่าเดิม เร่งขยายผู้เช่ารายใหม่ ยึดหลัก ESG หนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคง แย้มความคืบหน้าแผนลงทุนสินทรัพย์ใหม่
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY ย้ำภาพการเป็น “กรีน คอมมูนิตี้มอลล์” พร้อมตอกย้ำความสำเร็จรอบปี 67 หลังรับโอนทรัพย์สินใหม่ โครงการ “แฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง” เสริมพอร์ต มุ่งมั่นรักษาฐานผู้เช่าเดิม และขยายผู้เช่ารายใหม่ พร้อมยึดหลักบริหารจัดการ ESG หนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคง เผยความคืบหน้าแผนลงทุนสินทรัพย์ใหม่
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY เป็นกองทรัสต์ที่เน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทในประเทศไทย ภายใต้แนวคิดสถานที่เพื่อวิถีชีวิตใหม่ ทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน และการพักผ่อน การลงทุนหลักของกองทรัสต์ ALLY คือศูนย์การค้าใกล้บ้านที่มีคุณภาพสูง รวมถึงห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน และคลังกระจายสินค้าทั่วประเทศไทย ในทำเลที่มีศักยภาพของกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อมุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงขยายการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี สามารถบริหารจัดการ ปรับปรุง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้
โดยความสำเร็จของการขยายพอร์ตสินทรัพย์ใหม่ในช่วงกลางปี 2567 กองทรัสต์ฯ ได้รับโอนทรัพย์สินใหม่ในโครงการแฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง และนับเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) โครงการแรกของกองทรัสต์ฯ ส่งผลให้ปัจจุบันมีโครงการศูนย์การค้าภายใต้การบริหารจัดการจำนวน 14 โครงการ มีพื้นที่เช่าสุทธิรวมประมาณ 164,543 ตารางเมตร และมีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 13,700 ล้านบาท ถือเป็นกองทรัสต์ประเภทรีเทลที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
ทั้งนี้ กองทรัสต์ ฯ เดินหน้าบริหารทรัพย์สินผ่าน 3 กลยุทธ์ ตอกย้ำการเป็น “กรีน คอมมูนิตี้มอลล์” (Green Community Mall) ได้แก่ 1.) Green Public Space มุ่งเน้นขยายพื้นที่สีเขียวในทุกโครงการเพื่อตอบโจทย์ความเป็น Outdoor ร่มรื่น เข้าถึงง่าย 2.) Curated Tenants & Mix คัดสรรผู้เช่าให้แตกต่างกัน และให้เหมาะสมในแต่ล่ะพื้นที่ที่โครงการตั้งอยู่ และ 3.) ESG Leadership ผู้นำทางด้าน ESG ในแต่ละโครงการ เพราะเป็นสิ่งสำคัญในคอมมูนิตี้มอลล์ เน้นปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG) ซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น จึงได้มุ่งเน้นลดการใช้พลังงาน โดยตั้งเป้าลดการใช้พลังงานไม่เกิน 34.4 kWh/ตร.ม. พร้อมปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน ได้แก่ โซลาร์รูฟท็อปใน 10 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 17% ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมด รวมถึงได้ติดตั้งแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger รวมกว่า 57 สถานีในทุกโครงการ รวมถึงการบริหารจัดการขยะในคอมมูนิตี้มอลล์ สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมสนับสนุนด้านสุขภาพความปลอดภัยของคนในองค์กรและคู่ค้า รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนธุรกิจ SME หรือธุรกิจท้องถิ่นของ โดยปลายปี 2567 เตรียมจัดกิจกรรม Neighborhood Market ในแต่ละโครงการ ทั้งนี้ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศตั้งเป้าหมายให้ทรัพย์สินของกองทรัสต์ฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero Commitment) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050)
นายกวินทร์ กล่าวเพิ่มว่า กองทรัสต์ยังคงมุ่งมั่นขยายพอร์ตสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนขยายการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในทุกปี ภายใต้หลักการ 5 ข้อในการคัดเลือกโครงการเข้ามาในพอร์ต ได้แก่ (1.) Location ทำเลอยู่ในโซนที่มีกำลังซื้อที่ดีและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง (2.) Asset มีการดีไซน์ที่เข้าถึงง่าย สะดวกสบาย มีการดูแลปรับปรุงรักษาโครงการอยู่ตลอด (3.) Tenants ผู้เช่าที่แข็งแกร่ง และมีการผสมผสานกัน (4.) Sponsor ผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ (5.) Financial มีผลการดำเนินงานที่ดีในทุก โดยดูจาก IRR และ Yield สามารถสร้างการเติบโตในทุกสถานการณ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาจำนวน 3- 5 โครงการคาดสรุปชัดเจนในปี 2568 โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากสภาพคล่องของกองทรัสต์ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่จะทำให้กองทรัสต์มีผลตอบแทนที่ดีขึ้น และลดภาระต้นทุนทางการเงินจากการกู้ยืมเงินมาลงทุน
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่เหลือของปี 2567 กองทรัสต์ยังเดินหน้ารักษาฐานผู้เช่าเดิม โดยปัจจุบันกลุ่มผู้เช่าเป็นผู้ประกอบการร้านค้าชั้นนำที่มีชื่อเสียงในประเภทธุรกิจ 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ประมาณ 21%, กลุ่ม Home & Construction ประมาณ 15% และ กลุ่ม Beauty & Health ประมาณ 10% นอกจากนี้ กองทรัสต์ได้เดินหน้าขยายผู้เช่ารายใหม่มุ่งเน้นกลุ่มร้านค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างประสบการณ์ ตอบโจทย์ life style ของ location นั้นๆ ได้ โดยในช่วงแรกของไตรมาส 4/2567 มีผู้เช่ารายใหม่เพิ่มกว่า 2,900 ตารางเมตร อยู่ในกลุ่มธุรกิจ F&B และ Beauty & Health อาทิ ร้าน Pizza Hut, ร้าน Sipolle By Chef Dan, ร้าน MUSE HAIR CLINIC และ คลินิกกายภาพบำบัด เป็นต้น พร้อมรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยทั้งปี 2567 ที่ 93-94% โดย ณ ไตรมาส 3/2567 ทำได้ 93.4% ถือเป็นการสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคง